รู้หมดกฎหมายที่ดิน
ทนายเตือนภัย
- ความผิดฐานบุกรุก
- ซื้อที่ดิน สปก.
- ไม่ใช่เจ้าของที่ดินก็ฟ้องขับไล่ได้
- ฟ้องศาลยุติธรรมถูกต้องแล้ว
- ฟ้องศาลยุติธรรมถูกต้องแล้ว
- ฟ้องศาลยุติธรรมถูกต้องแล้ว
- ศาลรับคำท้าขอคู่ความทั้งสองฝ่าย
- ครอบครองปรปักษ์
- ทางภาระจำยอม
- ทางภาระจำเป็น
ขอบคุณเพจรู้หมดกฎหมาย
01.เป็นความผิดฐานบุกรุก
ผู้ที่มีเจตนาบุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือบางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าของ โดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานกระทำความผิดข้อหาบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 อย่างไรก็ตามความผิดข้อหาบุกรุกตามมาตรานี้ ถือว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว และสามารถยอมความได้ ยกเว้นกรณีบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 เช่น บุกรุกในเวลากลางคืนไม่สามารถยอมความ
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445
อยากปรึกษาหรือหาข้อมูลสู้คดีที่เวปไซต์นี้
***********************************
02.ซื้อที่ดิน สปก.
ที่ดิน สปก. เป็นที่ดินที่รัฐยกให้เกษตรกรเพื่อใช้เป็นที่ดินทำกิน ไม่สามารถซื้อขายได้ แต่เป็นมรดกตกทอดได้ แต่สภาพความเป็นจริงที่ดิน สปก. หลายๆ พื้นที่มีการแอบซื้อขายกัน ทั้งนี้ พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 39 ระบุว่า ที่ดินที่บุคคลได้รับสิทธิโดยการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จะ ทำการแบ่งแยก หรือโอนสิทธิในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม
หรือโอนไปยังสถาบันเกษตรกร หรือ ส.ป.ก. เพื่อประโยชน์ในการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทั้งนี้ ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงภายในเขตปฎิรูปที่ดิน และหากมีการซื้อ - ขายที่ดิน สปก. ถือเป็นการกระทำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ซึ่งจะทำให้การซื้อขายนั้นเป็นโมฆะ อีกทั้งมาตรา 411 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ยังกำหนดผลต่อไปว่า ผู้ซื้อไม่อาจเรียกเงินคืนได้จากการชำระหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445
อยากปรึกษาหรือหาข้อมูลสู้คดีที่เวปไซต์นี้
***************************************
03.ไม่ใช่เจ้าของที่ดินก็ฟ้องขับไล่ได้
โจทก์ใช้เงินสินส่วนตัวของโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเล็กๆ มีแต่หลังคาแต่ไม่มีฝาบ้านมาในระหว่างสมรส และใช้เงินสินส่วนตัวของโจทก์ในการก่อสร้างบ้าน โรงจอดรถ คอกวัว และศาลาริมน้ำในที่ดินพิพาทของโจทก์ แม้เป็นการก่อสร้างในระหว่างที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากันก็จะถือว่าบ้านพิพาทเป็นทรัพย์สินที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้มาระหว่างสมรสหาได้ไม่ บ้านพิพาทย่อมเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1472 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากบ้านพิพาทและเรียกค่าเสียหายได้
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445
อยากปรึกษาหรือหาข้อมูลสู้คดีที่เวปไซต์นี้
***************************************
04.ฟ้องศาลยุติธรรมถูกต้องแล้ว
แม้คดีนี้เอกชนผู้ฟ้องคดีจะยื่นฟ้องสำนักงานที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี สาขาสองพี่น้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ อำเภอสองพี่น้อง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ และองค์การบริหารส่วนตำบลต้นตาล ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง และเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุพรรณบุรี สาขาสองพี่น้อง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่เหตุแห่งการฟ้องคดีเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ยื่นคำร้องขอรังวัดที่ดินเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแปลง "หนองลาดตะเพียน" โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ และที่ ๔ นำชี้และรังวัดแนวเขตที่ดินรุกล้ำที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๓๓๒ ของบิดาผู้ฟ้องคดี เนื้อที่ ๙๐.๘ ตารางวา อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และอยู่นอกโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๓๒ โดยผู้ฟ้องคดีไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดิน กรณีจึงเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินระหว่างผู้ฟ้องคดีกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ และที่ ๔ ซึ่งเป็นส่วนราชการที่มีหน้าที่ดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอันอยู่ในเขตอำเภอ ว่าที่ดินเนื้อที่ ๙๐.๘ ตารางวานั้น เป็นที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๓๓๒ ของบิดาผู้ฟ้องคดีหรือเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และโดยที่กฎกระทรวงฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ข้อ ๒ วรรคสอง กำหนดว่า "ในกรณีที่มีผู้คัดค้าน ให้อธิบดีรอการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงไว้แล้วดำเนินการ ดังนี้ (๑) ในกรณีที่ผู้คัดค้านไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินและไม่ไปใช้สิทธิทางศาลภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คัดค้าน ให้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงได้ หากผู้คัดค้านไปใช้สิทธิทางศาล ให้รอการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเฉพาะส่วนที่คัดค้านจนกว่าจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแสดงว่าผู้คัดค้าน ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น" ดังนั้น การที่ผู้ฟ้องคดีนำคดีมาฟ้องต่อศาลก็เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งแสดงสิทธิในที่ดินพิพาท คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445
อยากปรึกษาหรือหาข้อมูลสู้คดีที่เวปไซต์นี้
****************************************
05.ฟ้องศาลยุติธรรมถูกต้องแล้ว
คดีที่เอกชนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและราชการส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง โดยอ้างว่าได้รับความเสียหายกรณีผู้ถูกฟ้องคดีกระทำละเมิดกรณีก่อสร้างถนนรอบบริเวณที่สาธารณประโยชน์ สระหนองสิม รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้ฟ้องคดี ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีรื้อถอนถนนคอนกรีตที่รุกล้ำออกจากที่ดินของผู้ฟ้องคดี ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีให้การโต้แย้งว่า ที่ดินบริเวณพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์สระหนองสิม ตามหลักฐานหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ อด. ๓๑๘๙ เลขที่ดิน ๓๓๖ การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ถูกฟ้องคดีกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีหรือไม่ จึงเป็นเพียงผลของการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินพิพาทระหว่างผู้ฟ้องคดีกับผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งหากศาลวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดี การที่ผู้ถูกฟ้องคดีกระทำการตามฟ้องก็เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี แต่หากที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์สระหนองสิมจะเป็นผลให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจก่อสร้างถนนสาธารณะได้โดยไม่เป็นละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ดังนั้น การที่ผู้ฟ้องคดีใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ ก็เพื่อขอให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของตนเป็นสำคัญ ข้อพิพาทในคดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445
อยากปรึกษาหรือหาข้อมูลสู้คดีที่เวปไซต์นี้
****************************************
06.ฟ้องศาลยุติธรรมถูกต้องแล้ว
คดีที่เอกชนยื่นฟ้องกรมทางหลวง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดี แม้ผู้ฟ้องคดีจะตั้งรูปเรื่องเป็นการเรียกค่าทดแทนการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ อันเนื่องมาจากผู้ถูกฟ้องคดีนำที่ดินมีโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดีไปทำเป็นถนน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑๗๘ ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการเวนคืนที่ดินเพื่อการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว กรณีจึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับผู้ถูกฟ้องคดีให้การโต้แย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นทางหลวงแผ่นดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันมาก่อนที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสองซื้อที่ดินพิพาทมาจากเจ้าของเดิม ที่ดินพิพาทจึงมิใช่กรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งสอง กรณีจึงเป็นการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445
อยากปรึกษาหรือหาข้อมูลสู้คดีที่เวปไซต์นี้
****************************************
07.ศาลรับคำท้าของคู่ความทั้งสองฝ่าย
คู่ความตกลงท้ากันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาในคดีที่ ส. สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ฟ้องบรรษัทบริหารสินทรัพย์ ท. บริษัทบริหารสินทรัพย์ ก. และโจทก์ทั้งสองเป็นจำเลยร่วมกันขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาท หากผลคดีดังกล่าวเป็นอย่างไร ให้ถือตามผลคดีนั้น คู่ความมิได้ตกลงกันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นข้อวินิจฉัยตามคำท้า คำท้าดังกล่าวต้องถือว่าคู่ความมีเจตนาถือเอาผลของคำพิพากษาที่ถึงที่สุดเป็นข้อวินิจฉัยในประเด็นที่ได้ท้ากัน เมื่อระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าในคดีที่ท้ากันศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่า บรรษัทบริหารสินทรัพย์ ท. รับโอนทรัพย์พิพาทมาโดยชอบ ถือว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทตรงตามคำท้าที่โจทก์ทั้งสองและจำเลยตกลงท้ากันแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 138 โจทก์ทั้งสองและจำเลยจึงต้องผูกพันตามคำท้าที่ตกลงกันตามผลของคำพิพากษาศาลฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 โจทก์ทั้งสองย่อมมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาท มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445
อยากปรึกษาหรือหาข้อมูลสู้คดีที่เวปไซต์นี้
www.ทนายภูวงษ์.com
************************************
ลำดับที่ 112
กฎหมาย ที่ดิน
เรื่อง การสอบเขตรังวัดที่ดิน
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 69 ทวิ วรรคห้า ให้อำนาจเจ้าพนักงานที่ดินสอบสวนไกล่เกลี่ยเพื่อให้การรังวัดสอบเขตและการออกโฉนดตามแนวเขตที่รังวัดใหม่ซึ่งเปลี่ยนไปสามารถดำเนินการต่อไปได้เพื่อประโยชน์แก่คู่กรณีที่จะได้ทราบแนวเขตที่แท้จริงตามที่ตกลงกัน และถ้าไกล่เกลี่ยแล้วไม่สามารถตกลงกันได้ก็แจ้งให้คู่กรณีไปฟ้องภายใน90 วัน ถ้าไม่มีการนำคดีไปฟ้องภายในกำหนดดังกล่าวเพียงถือว่าผู้ขอสอบเขตโฉนดที่ดินไม่ประสงค์จะให้ดำเนินการตามคำขออีกต่อไป และทำให้เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจที่จะไม่รังวัดสอบเขตที่ดินต่อไปได้โดยไม่มีความผิดเท่านั้นหาใช่เป็นบทกำหนดวิธีการและขั้นตอนให้ผู้ยื่นคำขอรังวัดต้องปฏิบัติก่อนจึงจะฟ้องคดีได้ไม่ และไม่มีผลทำให้การถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามความจริงไม่เกิดขึ้นหรือหมดไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้จำเลยถอยร่นแนวเขตที่ดินของจำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องนั้น ถือได้ว่าเป็นคำขอให้จำเลยรับรองแนวเขตที่ดินโจทก์ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยรับของแนวเขตที่ดินโจทก์ได้
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้บ้าน 099 464 4445 ปรึกษาหรือหาข้อมูลสู้คดีที่เวปไซต์นี้ www.ทนายภูวงษ์.com
*******************************************
ที่ดิน, ทางภาระจำยอม
ที่ดินเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับสังคมมนุษย์ของเรา เมื่อมีการเปิดทางให้ใช้เป็นทางเข้าออกเกินกว่า 10 ปีที่ดินแปลงนั้นก็ตกอยู่ในภาระจำยอมที่ให้สิทธิกับผู้ใช้ทางนั้นตามกฎหมาย การโอนที่ดินแปลงที่มีภาระจำยอมให้กับบุคคลอื่น ภาระจำยอมนั้นสิ้นสุดไปด้วยหรือไม่ ศาลมีหลักการพิจารณาไว้ตามฎีกานี้ครับ
ภาระจำยอมจะสิ้นไปก็แต่เมื่อภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์สลายไปทั้งหมดหรือมิได้ใช้สิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1397,1399 และในลักษณะซื้อขายตาม มาตรา 480 ก็ยังบัญญัติว่า"ถ้าอสังหาริมทรัพย์ต้องแสดงว่าตกอยู่ในบังคับแห่งภาระจำยอมโดยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิด เว้นแต่ผู้ขายจะได้รับรองไว้ในสัญญาว่าทรัพย์นั้นปลอดจากภาระจำยอมอย่างใดๆ ทั้งสิ้นหรือปลอดจากภาระจำยอมอันนั้น"
ตาม มาตรา 1299 หมายถึงแต่กรณีที่บุคคลได้มาโดยสุจริตซึ่งทรัพย์สิทธิอันเดียวกันกับสิทธิที่ยังไม่ได้จดทะเบียนผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งมีภาระจำยอมติดอยู่ หาได้สิทธิในภาระจำยอมไปด้วยแต่อย่างไรไม่ สำหรับที่ดินอันเป็นภารยทรัพย์นั้น ภาระจำยอมที่มีอยู่เป็นแต่การรอนสิทธิตาม มาตรา 480 เท่านั้น ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจะยกการรับโอนกรรมสิทธิ์โดยสุจริตขึ้นเป็นข้อต่อสู้เพื่อให้ภาระจำยอมที่มีอยู่ในที่ดินนั้นต้องสิ้นไปหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่7/2502)
คลอบครองปรปักษ์
ฎีกาที่ 149/2543
เดิมที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งที่น้ำท่วมถึงจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2)ที่พิพาทเพิ่งกลายเป็นที่งอกหลังจากมีการสร้างถนนเมื่อ 4 ถึง 5 ปี มานี้ ดังนั้นก่อนหน้าที่พิพาทเป็นที่งอกแม้โจทก์จะครอบครองมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ หลังจากที่พิพาทกลายเป็นที่งอกที่เชื่อมติดกับที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่งอกพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อโจทก์ครอบครองยังไม่ถึง 10 ปีโจทก์จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382
มีปัญหาปรึกษา ทนายใกล้คุณ
คอลเซ็นเตอร์ (เวลาราชการ) 089-226-8899
คอลเซ็นเตอร์ 02-114-7521
ไลน์กับทนาย @lawyernearyou
แชทกับทนาย https://direct.lc.chat/8941034
*************************************